วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

Jennifer'sBody.

        Jennifer's body หนังชื่อคุ้นหูที่ เมแกน ฟ็อกซ์ แสดงนำแต่เป็นนางร้ายก็ไม่เชิงนางเอกก็คงไม่ใช่ เรียกว่าเป็นตัวสำคัญในการเดินเรื่อง หนังเรื่องนี้เรื่องราวส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเพื่อนสองคนที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้มี อาแมนด้า เซฟรายด์ เล่นด้วยหลายคนอาจ งง ๆ ว่า อาแมนด้า   เซฟรายด์ เกี่ยวไรด้วย ก็ต้องกลับไปดูหนังอีกรอบหรือเข้า IMDB ก็ดีจะได้รู้ชัดไปเลย ทีแรกดิฉันไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอจริง ๆ เพราะหน้าตาที่น่ารักอ่อนกว่าวัยแถมใส่แว่นด้วย ทำให้ชวนนึกว่าเป็นดาราเด็กที่ไหนมาเล่นแต่พอสังเกตดี ๆ หน้าตาก็คุ้นขึ้นเรื่อย ๆ จนจำได้ ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าหนังแบบนี้จะเป็นหนังชวนเศร้าด้วยเหมือนกัน พอดูจบนึกแอบชมคนเขียนบท ช่างเก่งสรรหาอะไรมาสอดแทรกได้เสมอ (ถ้าใครเคยดูจูโนแล้วละก็ต้องคิดเหมือนดิฉันแน่) เรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นที่สาวเมแกน และอาแมนด้าเป็นเพื่อนสนิทที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยวัยเด็กจึงคบหากันมาโดยตลอด แต่ด้วยลักษณะนิสัยช่างตรงข้ามกันสุด ๆ นิสัยที่ว่านี้แหละ ที่ทำให้เมแกนได้พบกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล กลายเป็นซาตานที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินเลือดเนื้อสด ๆ เรื่องดำเนินไปแต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันซึ้งสุด ๆ เห็นจะเป็นฉากที่เมแกนลวงพระเอกไปฆ่า พระเอกคนนั้นเป็นแฟนของเพื่อนเธอ (สาวอาแมนด้า) เมแกนหวังจะฆ่าให้ตายแต่บังเอิญว่าอาแมนด้าเธอมาช่วยได้ทัน สิ่งที่ดิฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของตัวละคร คือ ซาตานเมแกนต้องแอบหลงรักเพื่อนเธอแน่ รักจนไม่อยากให้ใครมาแยกเธอออกจากกัน เห็นได้จากครั้งแรกที่เธอเพิ่งเป็นซาตาน เธอโซซัดโซเซมาที่บ้านเพื่อนสนิท สาวซาตานมีอาการเหนื่อยและเพลียมาก แน่นอนซาตานต้องกินไม่เลือกหน้า แต่สาวอาแมนด้ากลับไม่โดนกิน (แต่ก็เกือบไป55)ซาตานกลับวิ่งหนีไปซะเฉย ๆ จนตอนสุดท้ายที่ สาวซาตานพยายามจะเข้ามาฆ่าอีกครั้ง เธอมีโอกาสที่จะฆ่าแต่ไม่ทำ   นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอมีความผูกพันธ์ กับเพื่อนเธอมากจริง ๆ หนังเรื่องนี้ดูผิวเผินภายนอกอาจจะดูเป็นหนังขายความเซ็กซี่ หรือหนังวัยรุ่นเมกัน ทั่ว ๆ ไป แต่เอาจริง ๆ ดิฉันแอบชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ แม้จะไม่โดดเด่นได้ออสการ์ หรือรางวัลจากเวทีไหน ๆ  แต่ก็มีแง่มุมให้คิดตามได้เหมือนกัน

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

New year present for my friend.

วัสดุ-อุปกรณ์ที่ต้องใช้ค่ะ
อันนี้แค่ตัดกระดาษให้เป็นวงกลมค่ะแล้วก็พับ ๆๆ และตัด ๆ ๆ เหมือนตอนที่เราเล่นตอนเด็กๆ

เสร็จเรียบร้อยของขวัญของเพื่อนทุกคน

       
        ปีใหม่ผ่านไปแล้วนะคะ แต่ละปีที่ผ่านไปนี่ช่างรวดเร็วซะจริง ดิฉันคนนึงละที่ยังเขียนเลขปีเก่าไม่คล่องเลย ปีใหม่ก็มาให้เขียนผิดเขียนถูกอีกแล้ว เวลาที่ผ่านไปความกังวลก็เพิ่มขึ้นตาม ทำไมน่ะหรอคะ ก็เพราะว่าพอปีใหม่ทีหนึ่งเราก็มาคิดทบทวน ว่าเราไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วน่ะสิ เวลาต่อไปข้างหน้าก็เป็นเวลาที่นับถอยหลัง ไม่ใช่นับเพิ่มขึ้นอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว (สมัยเด็ก ๆ นับว่าเมื่อไหร่จะโตจะได้ทำงานเองมีเงินเป็นของตัวเอง พอโตมาแล้วไม่อยากให้เวลาผ่านไปเร็วเลย T-T) ปี ๆ ผ่านไปชีวิตเรายังไปไม่ถึงไหนเลยบางทีก็คิดแบบนี้ แต่คิดแล้วก็ดีทำให้ขยันมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้คิดว่าต้องทำอะไรเพิ่มอีก ว่าแล้วเราก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่ายิ่งเขียนยิ่งออกนอกเรื่องไปกันใหญ่ค่ะ
         ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ดิฉันก็มีบางสิ่งที่อยากตั้งใจทำให้เพื่อน ๆ อยากส่งความตั้งใจลงไปในของขวัญที่เราให้ก็เลย ลองตั้งใจห่อของขวัญแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แล้วก็ตั้งใจว่าจะเอามาลงให้ทุกท่านได้ดูกันด้วย เพราะลองคิด ๆ ดูตั้งแต่เปิดบล็อกมานี่ไม่เคยมีข้อมูลไอ้อย่างที่พูดเลยจริงๆ(nuttnoise art design Wedding-craft and Anythings) ตั้งแต่เปิดบล็อกก็ลงแต่ เอนี่ติงส์ ไม่มีอาทดีไซน์กะเวดดิ้งคราฟท์เลย Y-Y วันนี้เลยตั้งใจจะเอามาลงให้ดู วิธีทำก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร  แค่มีอุปกรณ์แบบที่ได้เห็นข้างบน ก็ทำได้เหมือนดิัฉันเป๊ะ ๆ แล้วค่ะ วิธีทำโบว์ก็แบบเดียวกับที่ทำพัดนั่นแหละค่ะแค่ทำ 2 อันแล้วเอามาประกบกันเท่านั้นเอง เอาไว้วันไหนมีเวลาดิฉันจะทำอย่างอื่นมาให้ดูแบบเป็นขั้นเป็นตอนเลยนะคะ วันนี้เอาแค่น้ำจิ้มไปก่อนก็แล้วกันค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

Funny With vintage filter

Matching
So Sweet when put on Tom

vintage together
Floral Friend
8 together



สีจากภาพที่ได้เห็นข้างบนเป็นสีสันจากฟิลเตอร์ที่ดิฉันสร้างขึ้น จากโปรแกรมPhotoshopล้วนๆ สีที่เกิดขึ้นจึงอิงสีภาพเก่าอย่างที่ดิฉันได้ตั้งใจไว้ พอเห็นสีที่ออกมาก็ถูกใจเอามาก ๆ แต่ที่รู้สึกดีกว่านั้นก็คงเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังงานนี้ ปกติดิฉันเป็นคนที่ค่อนข้างมีความเป็นเปอร์เฟ็คชั่นนิสต์อยู่บ้างเหมือนกัน คือทำอะไรก็ตามต้องดี ต้องเนี๊ยบที่สุด ต้องเป๊ะ ๆ เลยหล่ะ แต่จะเป็นกับเฉพาะบางเรื่องที่สนใจอย่างเช่นยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องงานแต่งงานของตัวเอง เกือบทุกสิ่งในงานแต่งงานที่ดิฉันทำเองเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การ์ดจนถึงคอนเซ็ปต์อาร์ตต่าง ๆ เพราะดิฉันสนใจในด้านนี้เป็นพิเศษ ในงานแต่งงานของดิฉันสอนบทเรียนให้กับดิฉันหลายสิ่งหลายอย่าง แถมยังทำให้ดิฉันค้นพบความชอบส่วนตัวอีกด้วย จนตอนนี้งานออกแบบการ์ดต่าง ๆ กลายมาเป็นงานพิเศษเล็ก ๆ ในชีวิตไปเลย (ซึ่งต่อไปอาจกลายเป็นงานใหญ่ก็ได้) ดิฉันเป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยม ที่ได้แต่งงานก่อนใคร เราไม่ค่อยได้พบปะพูดคุยกันนักตั้งแต่ก่อนงานแต่งงานของดิฉัน เพราะดิฉันไม่ได้ติดต่อใครเลยตั้งแต่เรียนจบ เราเจอกันอีกทีก็ตอนที่งานฉลองแต่งงานของดิฉัน หลังแต่งงานเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ไม่นานนักก็รู้ข่าวว่าเพื่อนเราคนหนึ่งกำลังจะแต่งงานไปอีกคน สิ่งนี้ทำให้ดิฉันกลับมาเจอพวกเธออีก งานแต่งงานเพื่อนดิฉันก็เหมือนงานแต่งงานตามต่างจังหวัดทั่วไป ที่จัดตอนเช้ากินเลี้ยงตอนเที่ยงแล้วงานก็จบ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่สิ่งที่พิเศษคือ ดิฉันกลับพบว่าเพื่อนในกลุ่มทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนเต็มใจช่วยจริง ๆ มากันตั้งแต่เช้าเลย (รวมถึงตัวดิฉันด้วย) ถ้าดิฉันเป็นเจ้าของงานคงปลื้มยิ้มไม่หุบทั้งวันเลยหล่ะ งานแต่งงานครั้งนี้ของเพื่อนทำให้ดิฉันมองข้ามอะไรไปหลาย ๆ อย่างถึงแม้งานครั้งนี้จะไม่ใช่งานเลิศเลอเหมือนงานในกรุงเทพ หรืองานแต่งงานของใคร ๆ ที่ตั้งใจมากมายเพื่อพยายามให้ออกมาดูดี แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือความรู้สึกจากภายในที่สัมผัสได้ถึงความเหนียวแน่นในจิตใจ ทำให้ดิฉันมองข้ามความสวยงามไปได้ ทำให้รู้สึกได้เลยว่าสวยไม่สวยก็ช่าง แต่งานที่เต็มไปด้วยน้ำใจของเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องแบบนี้แหละ ที่จะติดตราตรึงใจเจ้าของงานไปได้ตราบนานเท่านาน